การประกาศผลรางวัลอคาเดมี อวอร์ดส์ หรือ ออสการ์ ครั้งที่ 89 เกิดเรื่องผิดพลาดครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อมีการประกาศรางวัลใหญ่ที่สุดในงาน คือ รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดยมีการประกาศชื่อครั้งแรกว่า “ลา ลา แลนด์” เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ก่อนที่จะมีการประกาศใหม่ให้ “มูนไลท์” เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแทน
เมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเช้าวันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ตามเวลาในไทย ได้มีการประกาศผลรางวัลอคาเดมี อวอร์ดส์ หรือ”ออสการ์”ครั้งที่ 89 รางวัลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดของวงการบันเทิงระดับโลก จัดมอบโดยสถาบันศิลปะและวิชาการทางภาพยนตร์ ที่โรงละครดอลบี เธียเตอร์ ในฮอลลีวู้ด นครลอสแองเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยมี จิมมี คิมเมล พิธีกรดังวัย 49 จากรายการเดอะ เลท ไนท์ วิธ จิมมี คิมเมล รายการทอล์คโชว์ที่เคยคว้ารางวัลเอ็มมีมาหลายครั้ง รับหน้าที่พิธีกรบนเวทีเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้ภายในงานนี้มีมอบกันทั้งหมด 24 สาขารางวัล โดยภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลมากที่สุดได้แก่ “ลา ลา แลนด์ (La La Land)” ภาพยนตร์มิวสิกคัลที่เข้าชิง 14 รางวัล ถือเป็นการเข้าชิงรางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของออสการ์เทียบเท่ากับเรื่อง “ออล อะเบาท์ อีฟ” ภาพยนตร์ในยุค 1950 และ “ไททานิก” ภาพยนตร์รักเรื่องดังของปี 2540
ขณะที่ภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง “อาร์ไรวัล” (Arrival) และภาพยนตร์ดรามาเรื่อง “มูนไลท์” (Moonlight) ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล 8 สาขาเท่ากัน จาก 14 รางวัลที่เข้าชิง ก็ต้องมาลุ้นกันว่า ลา ลา แลนด์ ภาพยนตร์ที่เป็นตัวเต็งหนึ่งว่าจะคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในสายตานักวิจารณ์ จะสามารถกวาดออสการ์ไปได้กี่รางวัล
โดยในประวัติศาสตร์ออสการ์ที่ผ่านมา ภาพยนตร์ที่ทำสถิติได้รางวัลออสการ์มากที่สุดคือ 11 รางวัล ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 เรื่องได้แก่ ไททานิก หนังรักปี 2540 , เบน-เฮอร์ ภาพยนตร์ปี 2502 และ เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ : เดอะ รีเทิร์น ออฟ เดอะ คิง (The Lord of the Rings: The Return of the King ) ที่ออกฉายปี 2546
เควิน โปโลวี บรรณาธิการอาวุโสนิตยสารภาพยนตร์ บอกกับเอบีซี นิวส์ว่า ลา ลา แลนด์ น่าจะเป็น “บิ๊ก วินเนอร์” ที่กวาดรางวัลมากที่สุดในงาน และเชื่อว่า ปีนี้ น่าจะมีนักแสดงผิวสี คว้ารางวัลใหญ่ในสาขาการแสดง หลังจากที่งานออสการ์ ถูกติดแฮชแท็ก#OscarsSoWhite มาแล้ว 2 ปี ประชดประชันที่งานประกาศรางวัลอสการ์มีแต่นักแสดงผิวขาวที่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิง แต่นักแสดงผิวสีกลับถูกมองข้าม
” หลังจากมี กระแส #OscarsSoWhite มา 2 ปี คุณจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในออสการ์ปีนี้ และออสการ์ครั้งนี้จะเป็นปีที่ดีสำหรับภาพยนตร์ที่มีนักแสดงผิวสี ”
สำหรับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ มูนไลท์ หลังจากมีการประกาศครั้งแรกว่า ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมครั้งแรก คือ “ลา ลา แลนด์” ก่อนที่จะมีการประกาศใหม่ เป็น “มูนไลท์” โดย จิมมี คิมเมล พิธีกรขึ้นมาแจ้งว่า มีการประกาศผลรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมผิดพลาด
ทางด้าน วอร์เรน เบตตี้ พระเอกรุ่นอาวุโส ซึ่งเป็นผู้ประกาศรางวัลดังกล่าว อธิบายว่า เขาได้รับซองประกาศผลรางวัลผิดซอง “พอผมเปิดซองรางวัล ก็เห็นข้อความว่า เอ็มมา สโตน ,ลา ลา แลนด์ นั่นคือเหตุผลที่ทำไมผมจึงจ้องมองที่คุณ (ผู้ชม) และ เฟย์ ดันนาเวย์ อยู่นาน ซึ่งผมไม่ได้พยายามจะเล่นมุกตลก ”
รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม ได้แก่ เดเมียน ชาเซล จาก ลา ลา แลนด์
รางวัลดารานำชายยอดเยี่ยม ได้แก่ เคซีย์ แอฟเฟล็ค จาก Manchester by the Sea
รางวัลดารานำหญิงยอดเยี่ยม ได้แก่ เอ็มมา สโตน จาก ลา ลา แลนด์
รางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ได้แก่ Manchester by the Sea
รางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ได้แก่ Moonlight
รางภาพยอดเยี่ยม ได้แก่ La La Land
รางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ได้แก่ เพลงประกอบจากภาพยนตร์เรื่อง La La Land
รางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ เพลง City Of Stars จาก La La Land
รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมได้แก่ มาเฮอร์ชาลา อาลี จาก มูนไลท์ (Moonlight)
รางวัลแต่งหน้า ทำผมยอดเยี่ยม ได้แก่ Suicide Squad
รางวัลออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ได้แก่ Fantastic Beasts and Where to Find Them
รางวัลภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม ได้แก่ O.J.: Made in America
รางวัลผสมเสียงยอดเยี่ยม ได้แก่ Hacksaw Ridge
รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ได้แก่ วิโอลา เดวิส จาก Fences
รางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศเยี่ยม ได้แก่ The Salesman จาก อิหร่าน
รางวัลออกแบบฉากยอดเยี่ยม ได้แก่ La La Land
รางวัลเทคนิคพิเศษด้านภาพยอดเยี่ยม ได้แก่ The Jungle Book
รางวัลตัดต่อภาพยอดเยี่ยม ได้แก่ Hacksaw Ridge
รางวัลภาพยนตร์สารคดีขนาดสั้นยอดเยี่ยม ได้แก่ The White Helmets
รางวัลภาพยนตร์เรื่องสั้นยอดเยี่ยม ได้แก่ Sing
ที่มา matichon